รู้จักระบบ ววน.

ข้อจำกัดสำคัญของการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรมในอดีตที่ผ่านมา คือ การไม่เป็นเอกภาพของระบบ กระจัดกระจายและความซ้ำซ้อน รวมถึงความไม่เชื่อมโยงในเชิงนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของหน่วยงานด้านการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศที่ตั้งอยู่ในหน่วยงานภาครัฐหลายแหล่ง ทั้งในระดับกระทรวง ทบวง กรม และสำนัก รวมถึงการขาดความเชื่อมโยงของนโยบายและการสนับสนุนด้านการวิจัยและนวัตกรรมกับภาคผู้ผลิตการค้าและบริการ หรือผู้ใช้ประโยชน์จากการวิจัยและนวัตกรรม ส่งผลให้ผลผลิตจากการวิจัยและนวัตกรรมจำนวนไม่น้อยมีได้ถูกนำไปต่อยอดในเชิงมูลค่าทั้งในทางเศรษฐกิจและสังคม


การปฏิรูประบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) จึงมีเป้าหมายสำคัญ คือ การนำวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาใช้ประโยชน์และส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ และเกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศบนฐานขององค์ความรู้จากการวิจัยและนวัตกรรม ตาม พ.ร.บ.สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.การส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562 ที่ถือได้ว่าเป็นกฎหมายหลักของการขับเคลื่อนระบบ ววน. ของประเทศ อันครอบคลุมตั้งแต่ด้านความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกมิติ ที่จำเป็นจะต้องใช้ความรู้และนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์หรือการปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีโครงสร้างของระบบ ววน. ดังนี้

 

หน้าที่และอำนาจ ของ สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สนอว.)

(มาตรา 11 พ.ร.บ. สภานโยบาย)

(1) เสนอนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนอื่น รวมทั้งนโยบายของรัฐบาล ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ

(2) พิจารณาให้ความเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณประจำปีด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวง และงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ก่อนที่สำนักงบประมาณจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี รวมทั้งเสนอระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ตามกรอบวงเงินดังกล่าว ให้สอดคล้องกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนตาม (1) ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ

(3) กำกับให้คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คณะกรรมการการอุดมศึกษาและคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงกาอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สถาบันอุดมศึกษา และหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ดำเนินงานให้เป็นไปในทิศทางที่มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนตาม (1)

(4) เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการเร่งรัดและติดตามให้มีการเสนอหรือการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องกับการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก เชื่อมโยงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกับผู้ประกอบการภาคเอกชนและภาครัฐ และสามารถพัฒนาและแก้ไขปัญหาของชุมชนและสังคมได้อย่างยั่งยืน

(5) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการกำหนดมาตรการและแรงจูงใจทางการเงินการคลังและสิทธิประโยชน์อื่นส าหรับการระดมทุน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

(6) จัดให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้านการอุดมศึกษา รวมทั้งแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ

(7) กำกับ เร่งรัด และติดตามให้มีการจัดทำฐานข้อมูลการอุดมศึกษา ฐานข้อมูลมาตรฐานการอุดมศึกษา และฐานข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนการบูรณาการและการเชื่อมโยงกันระหว่างฐานข้อมูลดังกล่าว และประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชน

(8) แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่อง คณะอนุกรรมการ เพื่อปฏิบัติงานตามที่สภานโยบายมอบหมายหรือมอบให้ทำการแทน และรายงานให้สภานโยบายทราบ

(9) ออกระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น

(10) เสนอรายงานประจำปีเกี่ยวกับการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา

(11) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่น หรือตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย

 

หน้าที่และอำนาจ ของ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)

(มาตรา 22 พ.ร.บ. สภานโยบาย)

(1) รับผิดชอบงานวิชาการและงานธุรการ รวมถึงสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้การปฏิบัติหน้าที่ของสภานโยบาย คณะกรรมการ คณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่อง และคณะอนุกรรมการ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

(2) เสนอความเห็นต่อสภานโยบายเกี่ยวกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนด้านการอุดมศึกษา และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนอื่น รวมทั้งนโยบายของรัฐบาล

(3) เสนอความเห็นต่อสภานโยบายเกี่ยวกับกรอบวงเงินงบประมาณประจำปีด้านการอุดมศึกษา และด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ รวมทั้งระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ให้สอดคล้องกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนตามมาตรา 11 (1)

(4) เสนอความเห็นต่อสภานโยบายเกี่ยวกับการเร่งรัดและติดตามให้มีการเสนอหรือการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

(5) สนับสนุนการดำเนินการ การติดตามและประเมินผลของคณะกรรมการพิเศษเฉพาะเรื่องตามมาตรา 18

(6) ประสานงานให้มีการจัดทำ บูรณาการ และเชื่อมโยงฐานข้อมูลการอุดมศึกษา ฐานข้อมูล มาตรฐานการอุดมศึกษา และฐานข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งสามารถเข้าถึงฐานข้อมูลดังกล่าวเพื่อใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูล ประกอบการพิจารณากำหนดนโยบาย ทิศทาง และการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาการอุดมศึกษา และการวิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนเปิดเผยข้อมูลและผลการวิเคราะห์ สังเคราะห์ต่อสาธารณชนตามประกาศตามมาตรา 11 (7)

(7) ประสานงานและให้ความร่วมมือกับส่วนราชการ หน่วยงานอื่นของรัฐ หน่วยงานภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

(8) จัดทำรายงานประจำปีของสภานโยบายตามมาตรา 11 (10)

(9) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น หรือตามที่ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สภานโยบาย หรือคณะกรรมการอำนวยการ สอวช. มอบหมาย


หน้าที่และอำนาจ ของ คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.)

(มาตรา 41 พ.ร.บ. สภานโยบาย)

(1) เสนอแนะต่อสภานโยบายในการจัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และแผนอื่นตามมาตรา 11 (1)

(2) เสนอแนะกรอบวงเงินงบประมาณประจำปีด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศต่อสภานโยบาย รวมทั้งเสนอระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ ตามกรอบวงเงินดังกล่าว ให้สอดคล้องกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนตามมาตรา 11 (1)

(3) ให้คำแนะนำในการพิจารณาคำของบประมาณของกองทุนแก่คณะกรรมการพิจารณางบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามมาตรา 12 (2)

(4) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดทำคำของบประมาณและการจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม

(5) เสนอต่อนายกรัฐมนตรีในการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณางบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามมาตรา 12 (2)

(6) บริหารกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามมาตรา 54 ให้เป็นไปตามระเบียบที่สภานโยบายกำหนด

(7) พิจารณาคำของบประมาณและจัดสรรงบประมาณจากกองทุนให้แก่หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ให้สอดคล้องกับแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศและหลักเกณฑ์ตาม (4)

(8) กำหนดทิศทางและแนวทางการด าเนินงานของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมซึ่งต้องสอดคล้องกับแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศตามมาตรา 11 (1)

(9) กำกับ เร่งรัด และติดตามให้มีการปรับปรุงและแก้ไขระบบหรือกลไกการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมให้มีประสิทธิภาพ มีมาตรฐาน เพื่อให้สามารถนำผลงานวิจัยไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

(10) กำหนดมาตรฐานการวิจัยและจริยธรรมการวิจัยโดยความเห็นชอบของสภานโยบาย กำหนดข้อกำหนดหรือแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวกับการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และกำกับดูแล ติดตาม และส่งเสริมให้เป็นไปตามมาตรฐานจริยธรรม และข้อกำหนดหรือแนวปฏิบัตินั้น

(11) ส่งเสริมและสนับสนุนการท างานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และบุคคลหรือหน่วยงานในต่างประเทศในด้านการวิจัยและนวัตกรรม การถ่ายทอดวิทยาการหรือเทคโนโลยี รวมถึงเสนอแนะต่อสภานโยบายเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในการกำหนดมาตรการ สิทธิประโยชน์ และแรงจูงใจ เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรม

(12) กำหนดหลักเกณฑ์การให้รางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับการประเมินและพิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจ สังคม และวิชาการของประเทศ และหลักเกณฑ์การประกาศเกียรติคุณหรือยกย่องบุคคลหรือหน่วยงานที่มีผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง

(13) กำกับ เร่งรัด และติดตามให้มีการจัดทำและการดำเนินการตามแผนด้านการพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ รวมทั้งติดตาม ประเมินผลการใช้งบประมาณของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้เป็นไปตามแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศตามมาตรา 11 (1)

(14) กำกับ เร่งรัด และติดตามให้มีการจัดทำฐานข้อมูลการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ

(15) มอบหมายให้คณะอนุกรรมการ คณะบุคคล หรือบุคคลปฏิบัติงานตามที่ กสว. มอบหมาย

(16) ออกระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ โดยไม่ขัดหรือแย้งกับมติของสภานโยบาย

(17) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่น หรือตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย


หน้าที่และอำนาจ ของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

(มาตรา 44 พ.ร.บ. สภานโยบาย)

(1) รับผิดชอบงานวิชาการและงานธุรการ รวมถึงสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้การปฏิบัติหน้าที่ของ กสว. และคณะกรรมการพิจารณางบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามมาตรา 12 (2) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

(2) ศึกษาวิเคราะห์สถานการณ์ภาพรวมในด้านการวิจัยและนวัตกรรมในระดับชาติและนานาชาติ เพื่อนำเสนอต่อสภานโยบายในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผน รวมทั้งงบประมาณเพื่อการวิจัยและนวัตกรรม

(3) จัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เสนอต่อ กสว.

(4) จัดทำกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ เสนอต่อ กสว.

(5) จัดทำคำของบประมาณของกองทุนเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณางบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามมาตรา 12 (2)

(6) จัดทำหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดทำคำของบประมาณและการจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม เสนอต่อ กสว.

(7) กลั่นกรองคำของบประมาณของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ และหลักเกณฑ์ตามมาตรา 41 (4)

(8) จัดทำข้อเสนอ และริเริ่มโครงการวิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญของประเทศที่ต้องดำเนินการของหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชน รวมทั้งขับเคลื่อนและประสานการดำเนินงานดังกล่าวให้สัมฤทธิ์ผล ทั้งนี้ โดยการมีส่วนร่วมของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม

(9) เสนอความเห็นต่อ กสว. เกี่ยวกับทิศทางและแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม

(10) เสนอความเห็นต่อ กสว. เกี่ยวกับการกำกับ เร่งรัด และติดตามให้มีการปรับปรุงและแก้ไขระบบหรือกลไกการบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรม

(11) เสนอความเห็นต่อ กสว. เกี่ยวกับการส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และบุคคลหรือหน่วยงานในต่างประเทศในด้านการวิจัยและนวัตกรรม การถ่ายทอดวิทยาการหรือเทคโนโลยี รวมทั้งจัดทำและเสนอมาตรการ สิทธิประโยชน์ และแรงจูงใจ เพื่อส่งเสริมการดำเนินการดังกล่าว

(12) เสนอความเห็นต่อ กสว. เกี่ยวกับการกำกับ เร่งรัด และติดตามให้มีการจัดทำและการดำเนินการตามแผนด้านการพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ รวมถึงการกำกับ เร่งรัด ติดตาม ประเมินผลการใช้งบประมาณของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม

(13) ประสานงานและให้ความร่วมมือกับส่วนราชการ หน่วยงานอื่นของรัฐและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคคลหรือหน่วยงานในต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและนวัตกรรม และการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของ กสว. และกองทุน

(14) จัดทำรายงานประจำปีของ กสว. และกองทุน เสนอต่อนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และสภานโยบาย

(15) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สภานโยบาย หรือ กสว. มอบหมาย


วัตถุประสงค์ของกองทุนส่งเสริม ววน.

(มาตรา 54 พ.ร.บ. สภานโยบาย)

เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และขับเคลื่อนระบบการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสหวิทยาการ เพื่อสร้างองค์ความรู้ พัฒนานโยบายสาธารณะ และสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งมีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้ด้วย

(1) ส่งเสริมการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งยกระดับความสามารถของผู้ประกอบการ ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการของประเทศ

(2) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพ และปัจจัยเอื้อที่สนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม

(3) ส่งเสริมให้โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของประเทศหรือโครงการลงทุนที่รัฐเห็นสมควรกำหนด เป็นกลไกของการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

(4) สนับสนุนการเพิ่มสมรรถนะในการเลือก การรับ การถ่ายทอด และการร่วมมือกับบุคคลหรือหน่วยงานต่างประเทศ เพื่อให้ได้วิทยาการและเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และเหมาะสม

(5) ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม หน่วยงานอื่นของรัฐและเอกชน รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการน าผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ในการพัฒนาระดับชุมชนและพื้นที่

(6) บุกเบิกการวิจัยขั้นแนวหน้าและการสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

โดยมีพันธกิจและวงรอบการทำงานดังนี้

แผนด้าน ววน.

แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (แผนด้าน ววน.) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาประเทศอย่างเป็นเอกภาพ โดยมุ่งเน้นการบูรณาการสหสาขาวิชา รวมถึงเป็นเครื่องมือในการทำงานร่วมกันของหน่วยงานทั้งในและนอกกระทรวง เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาโจทย์ท้าทายของประเทศในทุกมิติและเตรียมการสู่อนาคต

อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ความก้าวหน้าของวิทยาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนแบบแผนการใช้ชีวิตและกระบวนการทางเศรษฐกิจและสังคมของผู้คน ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงต้องมีการปรับปรุงแผนให้มีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยคำนึงถึงความเชื่อมโยงกับแผนระดับชาติที่เกี่ยวข้อง นโยบาย มติ และข้อสั่งการที่สำคัญของรัฐบาลและภาคนโยบาย

ปัจจุบันมีแผนด้าน ววน. ทั้งสิ้น 2 ฉบับ ประกอบด้วย แผนด้าน ววน. ฉบับปี พ.ศ. 2563-2565 และ แผนด้าน ววน. ฉบับปี พ.ศ. 2566-2570 โดยมีการปรับปรุงแผน (rolling plan) รายปี เพื่อปรับจุดมุ่งเน้น เป้าหมายและตัวชี้วัด เพื่อขับเคลื่อนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน

 

แผนด้าน ววน. พ.ศ. 2566-2570

แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (แผนด้าน ววน.) ของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2570 จัดทำขึ้นโดยใช้แนวทางตามกรอบนโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม พ.ศ. 2566 – 2570  กำหนดและกำกับทิศทางในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและวัตกรรมให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการพัฒนาประเทศ โดยมุ่งเน้นหลักการเชิงนโยบายที่เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ (Take a Giant S tep) ของประทศ มีธงบอกทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน เก่งในบางเรื่องที่สำคัญ เน้นการใช้การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและวัตกรรม เป็นเครื่องมือในการพัฒนาตลอดห่วงโซ่การผลิตและบริการ การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและความสามารถในการพึ่งพตนเองอย่างยั่งยืน บูรณาการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ข้ามศาสตร์ ข้ามกระทรวง และการพลิกโฉมที่ระบบ (System-based Transformations) ที่สำคัญ

โดยให้ความสำคัญกับการนำวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน และมีศักยภาพเพียงพอในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง พร้อมรองรับความท้าทายใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ โดยมุ่งเน้นให้คนไทยมีสมรรถนะและทักษะสูง เพียงพอในการพลิกโฉมประเทศให้ยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจไทยมีความสามรถในการแข่งขันด้วยเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพิ่มความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานราก และพึ่งพาตนเองได้ยั่งยืน พร้อมสู่อนาคต และสังคมไทยมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนสามารถแก้ปัญหาท้าทายของสังคมและสิ่งแวดล้อม ปรับตัวได้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยมีจุดมุ่งเน้นของนโยบาย  (Flagship) ดังนี้


โครงสร้างแผนด้าน ววน. พ.ศ. 2566-2570

แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (แผนด้าน ววน.) ของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2570 มีโครงสร้างประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ 25 แผนงาน 54 แผนงานย่อยรายประเด็น และ 14 แผนงานสำคัญตามจุดมุ่งเน้นของนโยบาย (Flagship) โดยทุกระดับจะมีเป้าหมายและตัวชี้วัดสำคัญระดับผลลัพธ์ (Objectives and Key Results, OKRs) เพื่อระบุขนาดและทิศทางของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ


วิสัยทัศน์ เป้าประสงค์ และของแผนด้าน ววน. พ.ศ. 2566-2570

วิสัยทัศน์ของแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (แผนด้าน ววน.) ของประเทศ พ.ศ. 2566-2570 คือ “พลิกโฉมประเทศให้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว และพร้อมสำหรับโลกอนาคต โดยมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ยกระดับคุณภาพชีวิต และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้วยเศรษฐกิจสร้างมูลค่าและคุณค่า ด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไทย โดยการสานพลังหน่วยงานในระบบ ววน. รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชาสังคม”


เป้าประสงค์
ของแผนด้าน ววน. ประกอบด้วย

  1. คนไทยมีสมรรถนะและทักษะสูง ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพียงพอในการพลิกโฉมประเทศให้ยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน
  2. เศรษฐกิจไทยมีความสามารถในการแข่งขันด้วยเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพิ่มความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานรากและพึ่งพาตนเองได้ ยั่งยืน พร้อมสู่อนาคต โดยการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
  3. สังคมไทย มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถแก้ปัญหาท้าทายของสังคมและสิ่งแวดล้อม ปรับตัวได้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
 
 

ยุทธศาสตร์และแผนงานภายใต้แผนด้าน ววน. พ.ศ. 2566-2570

แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (แผนด้าน ววน.) ของประเทศ พ.ศ. 2566 – 2570 มีโครงสร้างประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ 25 แผนงาน โดยมีแผนงาน และหน่วยบริหารและจัดการทุน (Program Management Unit, PMU) ที่รับผิดชอบดังนี้

ยุทธศาสตร์/แผนงาน

PMU ที่รับผิดชอบ

ยุทธศาสตร์ที่ 1 (S1) การพัฒนาเศรษฐกิจไทยด้วยเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ให้มีความสามารถในการแข่งขัน และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมสู่อนาคต โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม

บพข. สวก. สนช. สวรส. NVI TCELS

P1 (S1) พัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) ในด้านการแพทย์และสุขภาพ ให้เป็นระบบเศรษฐกิจมูลค่าสูง มีความยั่งยืนและเพิ่มรายได้ของประเทศ

สวรส. NVI TCELS

P2 (S1) พัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) ในด้านเกษตรและอาหารให้เป็นระบบเศรษฐกิจมูลค่าสูง มีความยั่งยืนและเพิ่มรายได้ของประเทศ

บพข. สวก. สนช.

P3 (S1) พัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) ในด้านการท่องเที่ยวให้เป็นระบบเศรษฐกิจมูลค่าสูง มีความยั่งยืนและเพิ่มรายได้ของประเทศ

บพข.

P4 (S1) พัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG) ในด้านพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน วัสดุชีวภาพ และเคมีชีวภาพให้เป็นระบบเศรษฐกิจมูลค่าสูง มีความยั่งยืนและเพิ่มรายได้ของประเทศ

บพข. สนช.

P5 (S1) พัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ อิเล็กทรอนิคอัจฉริยะ รวมทั้งหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การบริการและการพึ่งพาตนเอง

บพข. สนช.

P6 (S1) พัฒนาระบบโลจิสติกส์และระบบรางของประเทศให้ทันสมัยได้มาตรฐานสากล แข่งขันได้ และเชื่อมต่อกับเครือข่ายรองรับระบบเศรษฐกิจนวัตกรรมในภูมิภาคอาเซียน

บพข. สนช.

P7 (S1) พัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้สามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประกอบแบตเตอรี่และชิ้นส่วนสำคัญ ตลอดจนเทคโนโลยีเกี่ยวเนื่อง

บพข.

P8 (S1) พัฒนาธุรกิจฐานนวัตกรรมขนาดใหญ่ (IDEs) เพื่อ ยกระดับรายได้ ความสามารถในการแข่งขัน และการพึ่งพาตนเองของประเทศ

บพข. สนช.

ยุทธศาสตร์ที่ 2 (S2) การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน สามารถแก้ไขปัญหาท้าทายและปรับตัวได้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม

วช. บพท. สวก. สนช. สวรส. TCELS

P9 (S2) พัฒนาสังคมสูงวัยด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

วช.

P10 (S2) ยกระดับความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศให้พร้อมรับโรคระบาดระดับชาติและโรคอุบัติใหม่

สวรส. TCELS

P11 (S2) ขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ โดยการเพิ่มโอกาส และยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่

บพท. วช.

P12 (S2) พัฒนานโยบายและต้นแบบสำหรับสังคมคุณธรรม การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล โดยใช้ผลการวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม

วช.

P13 (S2) พัฒนาเมืองน่าอยู่ที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน/ท้องถิ่น และกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมสู่ทุกภูมิภาค โดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

บพท. สนช.

P14 (S2) พัฒนานโยบายและต้นแบบเพื่อสร้างสังคมไทยไร้ความรุนแรง ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งสวัสดิภาพสาธารณะ โดยใช้ผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม

วช.

P15 (S2) พัฒนาและเร่งแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการบริโภคอย่างยั่งยืนและการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม

วช. สวก.

P16 (S2) พัฒนานโยบายและต้นแบบเพื่อลดความเสี่ยงและผลกระทบที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรม

วช. สวก.

P17 (S2) พัฒนาและประยุกต์ใช้มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์เพื่อส่งเสริมคุณค่าและความงอกงามของศิลปะและวัฒนธรรมให้เป็นทุนสำคัญในการพัฒนาประเทศให้เป็นอารยะอย่างยั่งยืน และปรับตัวได้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลง

วช.

ยุทธศาสตร์ที่ 3 (S3) การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมระดับขั้นแนวหน้าที่ก้าวหน้าล้ำยุค เพื่อสร้างโอกาสใหม่และความพร้อมของประเทศในอนาคต

บพค. บพข.

P18 (S3) พัฒนาการวิจัยขั้นแนวหน้าที่สร้างองค์ความรู้ใหม่ด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ รวมทั้งการนำผลการวิจัยขั้นแนวหน้าไปประยุกต์ใช้และพัฒนาต่อยอดสู่เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมขั้นแนวหน้า

บพค.

P19 (S3) พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและบริการแห่งอนาคต รวมทั้งอุตสาหกรรมอวกาศ

บพค.

P20 (S3) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศ ที่รองรับการวิจัยขั้นแนวหน้าและการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่อนาคต

บพค. บพข.

ยุทธศาสตร์ที่ 4 (S4) การพัฒนากำลังคนและสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้เป็นฐานการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศแบบก้าวกระโดดและอย่างยั่งยืน โดยใช้วิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม

บพค. วช. บพข.

P21 (S4) ยกระดับการผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา กำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ และนวัตกร ที่มีทักษะสูง ให้มีจำนวนมากขึ้น

วช. บพค.

P22 (S4) พัฒนาและยกระดับสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้ตอบโจทย์เป้าหมายของประเทศอย่างชัดเจนและสามารถเทียบเคียงระดับนานาชาติ

บพค.

P23 (S4) พัฒนาการเป็นศูนย์กลางกำลังคนระดับสูงของอาเซียนและศูนย์กลางการเรียนรู้ของอาเซียนที่มีความร่วมมือด้านการวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของสถาบัน/ศูนย์วิจัยกับเครือข่ายระดับนานาชาติอย่างเข็มแข็งในวงกว้าง

บพค. วช. บพข.

แผนงานข้ามยุทธศาสตร์ (Cross-cutting platform)

P24 แก้ไขปัญหาและตอบสนองภาวะวิกฤติเร่งด่วนของประเทศ

P25 พัฒนาความเข้มแข็งและประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และขับเคลื่อนการดำเนินงานของแผนด้าน ววน. พ.ศ. 2566 – 2570


  


ผลที่คาดว่าจะได้รับจากแผนด้าน ววน. พ.ศ. 2566-2570

ผลกระทบในภาพรวม (ภายในปี พ.ศ. 2570) ได้แก่

  • ประเทศเป็นหนึ่งในผู้นำเทคโนโลยี (Front Runner) ในระดับสากลสำหรับสาขาเป้าหมายของประเทศ และในระดับอาเซียนสำหรับอุตสาหกรรมและบริการใหม่แห่งอนาคต
  • กำลังคนของประเทศมีผลิตภาพและศักยภาพสูงขึ้นด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาประเทศ
  • ปริมาณงบลงทุนด้านวิจัย พัฒนาและนวัตกรรมของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยการกระตุ้นของการลงทุนของรัฐ และนโยบาย/มาตรการด้าน อววน.
  • สังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชนเป้าหมาย มีความตระหนักรู้ในความสำคัญ ประโยชน์ และคุณค่าจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
  • ประเทศไทยมีอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index) ที่สูงขึ้น อยู่ใน 35 อันดับแรก
  • ประเทศไทยมีอันดับดัชนีความยั่งยืน (SDG Index) ที่สูงขึ้น อยู่ใน 35 อันดับแรก
    • ความยากจน  ความเหลื่อมล้ำ  คอร์รัปชัน  ความรุนแรง ลดลง
    • คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดี ความงอกงามของศิลปวัฒนธรรม และปรับตัวได้ทันต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลง


ผลสัมฤทธิ์ (Output & Outcome) ภายในปี พ.ศ. 2570 รายยุทธศาสตร์

ยุทธศาสตร์ที่ 1 (S1) การพัฒนาเศรษฐกิจไทยฯ ได้แก่

  • ประเทศไทยพัฒนาและผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้เอง และยกระดับเป็นศูนย์กลางด้านวัคซีนในระดับอาเซียน
  • ประเทศไทยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างคุณค่าและเศรษฐกิจสรรค์ด้านอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงจากสินค้าเกษตรมูลค่าสูง และเกษตรแปรรูปมูลค่าสูง และด้านการท่องเที่ยว ตามแนวทางของระบบเศรษฐกิจ BCG เพิ่มขึ้น
  • ประเทศไทยสร้างมูลค่าเพิ่มจากเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่เติบโตขึ้นจากการใช้นวัตกรรมโดยการใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมตามแนวทางระบบเศรษฐกิจ BCG
  • ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของอาเซียนด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกอบแบตเตอรี่และชิ้นส่วนสำคัญ
  • ประเทศไทยพัฒนาและขยายระบบโลจิสติกส์และระบบรางของประเทศที่ทันสมัย โดยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่พัฒนาและต่อยอด ให้เชื่อมต่อกับเครือข่ายระดับภูมิภาคอาเซียน
  • ประเทศไทยมีวิสาหกิจฐานนวัตกรรม  (Innovation Driven Enterprises: IDEs) มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
  • ประเทศไทยพัฒนา ผลิต และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมีสัดส่วนมูลค่าจากการพัฒนาและผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับการนำเข้า

ยุทธศาสตร์ที่ 2 (S2) การยกระดับสังคมและสิ่งแวดล้อมฯ ได้แก่

  • ผู้สูงอายุไทยสามารถพึ่งตนเองได้ มีคุณค่าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สังคมตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  • คนจนในชุมชนชนบทและเมืองในพื้นที่เป้าหมายของประเทศไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น และเกิดการพัฒนาในมิติต่าง ๆ นอกเหนือจากมิติด้านรายได้ เช่น การพัฒนาอาชีพ ทักษะการเรียนรู้ และการเข้าถึงโอกาสตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
  • เมืองน่าอยู่ที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน/ท้องถิ่น และกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคมสู่ทุกภูมิภาคให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
  • สังคมไทยมีพลังทางสังคมในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น และประชาชนไทยมีความตระหนักและส่งเสริมสังคมคุณธรรมมากขึ้น
  • วิสาหกิจชุมชน เกษตรกร และ SMEs ไทยในระบบเศรษฐกิจฐานรากทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น
  • ประเทศไทยมีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ
  • ประเทศไทยมีการวางแผน สร้างความพร้อมในการป้องกันและรับมือภัยพิบัติในชนบทและพื้นที่การเกษตร รวมทั้งในเมืองและพื้นที่อุตสาหกรรม อย่างเป็นระบบ
  • พัฒนาและประยุกต์ใช้ ผลงานวิจัย องค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์เพื่อส่งเสริมคุณค่า ความงอกงามของศิลปวัฒนธรรมให้เป็นทุนสำคัญในการพัฒนาประเทศและประชาชนให้เป็นอารยะอย่างยั่งยืน

ยุทธศาสตร์ที่ 3 (S3) การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรมระดับขั้นแนวหน้าฯ ได้แก่

  • ประเทศไทยมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำคัญที่จำเป็นต่อการพัฒนา และสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและบริการแห่งอนาคต รวมทั้งอุตสาหกรรมอวกาศ และอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ
  • ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญ และโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพสำหรับการวิจัยขั้นแนวหน้า สามารถสนับสนุนการปรับตัวของอุตสาหกรรมปัจจุบันสู่อนาคต รวมทั้งสามารถรองรับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดสู่อนาคต ทัดเทียมประเทศชั้นนำในเอเชีย รวมทั้งส่งเสริมให้ภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชนใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่ได้ลงทุนไปแล้วในระบบ ววน. ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
  • ประเทศไทยมีบุคลากรที่มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญสูงที่เพียงพอเพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตและบริการแห่งอนาคต รวมทั้งอุตสาหกรรมอวกาศ
  • ประเทศไทยมีนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ และผลงานวิจัยขั้นแนวหน้าแข่งขันกับประเทศชั้นนำในเอเชียที่สามารถสร้างโอกาสใหม่และเตรียมความพร้อมของประเทศสู่อนาคต 

ยุทธศาสตร์ที่ 4 (S4) การพัฒนากำลังคนและสถาบันด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้แก่

  • ประเทศไทยมีบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา กำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ และนวัตกร ในสถาบันอุดมศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานภาคเอกชน มีทักษะสูงที่ตรงตามความต้องการของประเทศและมีความเป็นเลิศระดับสากล
  • ประเทศไทยมีศูนย์กลางกำลังคนระดับสูง (Hub of Talent) และศูนย์กลางการเรียนรู้ (Hub of Knowledge) ของอาเซียน รวมถึงด้านศาสตร์โลกตะวันออก
  • สถาบัน/ศูนย์วิจัยในสถาบันอุดมศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ที่มีผลงานวิจัย และ/หรือ เทคโนโลยี และ/หรือ นวัตกรรม ร่วมกับเครือข่ายความร่วมมือระดับโลกหรือภูมิภาคในการสร้างผลผลิตและผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย
  • ประเทศไทยมีระบบนิเวศสนับสนุนให้บุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีความสามารถสูงยังคงทำงานในประเทศและดึงดูดบุคลากรกลุ่มดังกล่าวที่มีความสามารถสูงจากต่างประเทศ


แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (แผนด้าน ววน.) พ.ศ. 2563-2565
มีความเชื่อมโยงกับนโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2563-2570 ซึ่งเป็นกรอบแนวทางการพัฒนาระบบอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ให้สอดคล้องและบูรณาการกัน เพื่อให้เกิดเป็นพลังในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ที่สอดคล้องกับทิศทางของยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และนโยบายของรัฐบาล ขับเคลื่อนการดำเนินงานในลักษณะแพลตฟอร์ม (Platform) ความร่วมมือตามเป้าประสงค์ของการพัฒนาใน 4 ด้าน ได้แก่ แพลตฟอร์มที่ 1 การพัฒนากำลังคนและสถาบันความรู้ แพลตฟอร์มที่ 2 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ท้าทายของสังคม แพลตฟอร์มที่ 3 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และ แพลตฟอร์มที่ 4 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ โดยดำเนินงานควบคู่ไปกับการปฏิรูประบบอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ผ่านกลไกการกำหนดเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญ (Objectives and Key Results: OKR) และ 16 ชุดโปรแกรมภายใต้แพลตฟอร์ม

อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2562 จนถึงปัจจุบัน จึงได้มีการปรับแผนด้าน ววน. เป็น แผนด้าน ววน. พ.ศ. 2563-2565 ฉบับปรับปรุงสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยยังคงโครงสร้างของ 4 แพลตฟอร์ม 16 โปรแกรมจากแผนฉบับเดิม และเพิ่มเติม โปรแกรมที่ 17 แก้ปัญหาวิกฤติเร่งด่วนของประเทศ โดยหารือร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อร่วมกันออกแบบกระบวนการทำงานเชิงระบบสำหรับโปรแกรมที่ 17 รวมถึงวิเคราะห์ศักยภาพของหน่วยงานและห่วงโซ่อุปทาน โดยนำกรอบแนวคิดขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization; WHO)  เข้ามาเป็นกรอบการดำเนินงาน โดยมีรายละเอียดของ 4 แพลตฟอร์ม 17 โปรแกรม ดังนี้

สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ได้มีการปรับปรุงแผนเป็น แผนด้าน ววน. พ.ศ. 2563-2565 ฉบับปรับปรุง สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ซึ่งยังคงใช้โครงสร้างของแผนด้าน ววน. พ.ศ. 2563-2565 และมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงให้น้อยที่สุด (4 แพลตฟอร์ม 17 โปรแกรม) มีการกำหนดเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์ที่สำคัญ (Objective Key Results: OKRs) ให้สามารถวัดและประเมินผลได้ ปรับปรุงภาษาให้มีความชัดเจน และมีจุดเน้นโดยนำนโยบายการพัฒนาประเทศและนโยบายของรัฐบาลที่ตอบบริบทที่เปลี่ยนแปลงมาบูรณาการในแผนด้าน ววน.โดยทบทวนแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติเฉพาะกิจจากสถานการณ์โควิด-19 พ.ศ. 2564-2565 แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการกำหนดเป้าหมายเชิงผลลัพธ์ของแผนและเป็นกรอบการจัดสรรงบประมาณด้าน ววน. ต่อไป โดยมีรายละเอียด แพลตฟอร์ม โปรแกรม และ PMU ที่รับผิดชอบดังนี้

แพลตฟอร์ม/โปรแกรม

PMU ที่รับผิดชอบ

แพลตฟอร์มที่ 1 การพัฒนากำลังคน ยกระดับสถาบันความรู้ และระบบนิเวศด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

บพค. วช.

โปรแกรมที่ 1 สร้างและผลิตกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

บพค.

โปรแกรมที่ 2 ผลิตกำลังคนระดับสูงรองรับพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษและพื้นที่นวัตกรรม เช่น เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

บพค.

โปรแกรมที่ 3 ส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างกำลังคนในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงเพื่อการสร้างบัณฑิต การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดช่วงชีวิต การพัฒนาทักษะเพื่ออนาคต (Up-skill) และ การเพิ่มทักษะ (Re-skill)

บพค.

โปรแกรมที่ 4 ส่งเสริมปัญญาประดิษฐ์เป็นฐานขับเคลื่อนประเทศในอนาคต (AI for All)

บพค.

โปรแกรมที่ 5 ส่งเสริมการวิจัยขั้นแนวหน้าและการวิจัยพื้นฐานที่ประเทศไทยมีศักยภาพ

บพค. วช.

โปรแกรมที่ 6 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการวิจัยที่สำคัญ

    • P.6a พัฒนาและใช้โครงสร้างพื้นฐานทางการวิจัย และระบบนิเวศด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ
    • P.6b ยกระดับสถาบัน/ศูนย์วิจัยด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

บพค.

แพลตฟอร์มที่ 2 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ท้าทายของสังคม

วช. สวก. สวรส.

โปรแกรมที่ 7 แก้ไขปัญหาท้าทายและยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและการเกษตร

วช. สวก.

โปรแกรมที่ 8 รองรับสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ

วช. สวรส.

โปรแกรมที่ 9 แก้ไขปัญหาท้าทายและยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านสังคมและความมั่นคงทุกมิติ

  • P.9a แก้ไขปัญหาท้าทายและยกระดับการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านสังคมและความมั่นคงทุกมิติ
  • P.9b ส่งเสริมการวิจัยด้านสังคมและมนุษย์อย่างรอบด้าน

วช. สวรส.

แพลตฟอร์มที่ 3 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทั้งยกระดับการพึ่งพาตนเองในระดับประเทศ

บพข. สวก. สวรส. สนช.

โปรแกรมที่ 10 ยกระดับความสามารถการแข่งขันและวางรากฐานทางเศรษฐกิจเพื่อการพึ่งพาตนเองในระดับประเทศ     

  • P.10a ยกระดับความสามารถการแข่งขันและวางรากฐานทางเศรษฐกิจเพื่อการพึ่งพาตนเองในระดับประเทศในอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นที่ไม่ใช่ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Non-BCG)
  • P.10b ยกระดับความสามารถการแข่งขันและวางรากฐานทางเศรษฐกิจเพื่อการพึ่งพาตนเองในระดับประเทศในเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG)
  • P.10c วิจัยและสร้างนวัตกรรมด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิทยาการหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ดิจิทัลเทคโนโลยีและเศรษฐกิจดิจิทัล

บพข. สวก. สวรส.

โปรแกรมที่ 11 สร้างและยกระดับศักยภาพวิสาหกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม พัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรม และพื้นที่เศรษฐกิจนวัตกรรม/ระเบียงเศรษฐกิจ

สนช.

โปรแกรมที่ 12 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพและบริการ (NQI) สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมายและภาคบริการที่สำคัญของประเทศ

บพข.

แพลตฟอร์มที่ 4 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และลดความเหลื่อมล้ำ

บพท. สนช.

โปรแกรมที่ 13 พัฒนานวัตกรรมสำหรับเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนนวัตกรรมโดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

บพท. สนช.

โปรแกรมที่ 14 ขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำโดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

บพท.

โปรแกรมที่ 15 การพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญโดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

บพท. สนช.

Cross-cutting platform

โปรแกรมที่ 16 การปฏิรูประบบการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

บพค. บพข. วช.

โปรแกรมที่ 17 การแก้ปัญหาวิกฤตเร่งด่วนของประเทศ

วช. สวรส. บพค. บพท.

การบริหารงบประมาณ ววน.

กลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนระบบ ววน. ของประเทศ คือ ระบบการบริหารงบประมาณด้าน ววน. ของประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นำเอากลไกการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ (Policy Deployment) และการจัดสรรทรัพยากร (Budget Allocation) มารวมไว้ด้วยกัน โดยมีกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นศูนย์รวมในการจัดสรรและบริหารงบประมาณด้าน ววน. และทำให้สอดคล้องกับแผนด้าน ววน. ของประเทศ ดังนั้น แผนซึ่งเป็นทิศทาง และงบประมาณซึ่งเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนไปตามทิศทาง จะส่งผลหนุนเสริมกันให้ไปสู่เป้าหมายคือผลลัพธ์ ผลกระทบในการพัฒนาประเทศ โดยให้ความสำคัญอย่างมากกับ “หลักประสิทธิภาพ” ของหน่วยบริหารและจัดการทุน (Program Management Unit, PMU) และหน่วยรับงบประมาณ ที่จะใช้งบประมาณและส่งมอบงานได้ตามแผน อีกทั้งส่งมอบผลลัพธ์ผลกระทบที่กำหนดไว้ตามแผน


กระบวนการงบประมาณตามกฎหมาย

สาระสำคัญของพระราชบัญญัติส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562 ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมที่จะของบประมาณจัดทำคำของบประมาณได้แก่

มาตรา 17 (1) คำของบประมาณรายจ่ายประจำและรายจ่ายตามภารกิจของหน่วยงานที่มิใช่โครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโครงการวิจัยและนวัตกรรม ให้เสนอต่อสำนักงบประมาณได้โดยตรง และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมแต่ละหน่วย

มาตรา 17 (2) คำของบประมาณเพื่อโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโครงการวิจัยและนวัตกรรม ให้เสนอต่อ กสว. ตามหลักเกณฑ์ที่ กสว. กำหนด และให้ กสว. พิจารณาคำขอและผลการดำเนินการของหน่วยงานแต่ละหน่วยในปีที่ผ่านมาประกอบการจัดสรรเงินกองทุนให้เป็นงบประมาณของหน่วยงานนั้น


การเสนองบประมาณสนับสนุนวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมหรืองบประมาณของกองทุนส่งเสริม ววน. อาจกล่าวได้ว่าจะมีการดำเนินงาน 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เป็นการเสนอกรอบงบประมาณ ที่แสดงหลักคิดเรื่องความสำคัญของการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาของประเทศ (เงิน RDI) ที่เป็นหลักการสำคัญของประเทศที่ต้องการจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว โดยใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นเครื่องมือหนุนนำให้เกิดการลงทุนวิจัยและพัฒนาในภาคเอกชน ซึ่ง พ.ร.บ.การส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรมฯ ได้กำหนดให้ กสว. ต้องเสนอแผนด้าน ววน. และเสนอกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นและกรอบงบประมาณลงทุนด้าน ววน. ที่สอดคล้องกับแผนด้าน ววน. แต่ละฉบับ ซึ่งในส่วนนี้จะมีการเสนอผ่านสภานโยบายฯ สำนักงบประมาณ และนำเข้าเสนอต่อณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ เพื่อให้แผนและกรอบงบประมาณมีทิศทางที่สอดคล้องกัน


การเสนอของบประมาณขั้นที่ 2 จะเป็นการเสนอคำของบประมาณของกองทุนส่งเสริม ววน. พร้อมรายละเอียด โดยมีขั้นตอนดำเนินการคือ เมื่อหน่วยงานในระบบ ววน. เสนอคำของบประมาณมายัง สกสว. แล้วสกสว. จะกลั่นกรองคำของบประมาณ และเสนอขอความเห็นชอบต่อ กสว. โดยมีรัฐมนตรีให้คำแนะนำ มีคณะกรรมการพิจารณางบประมาณด้าน ววน. พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะเสนอคำของบประมาณของกองทุนส่งเสริม ววน. ไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีซึ่งเมื่อผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีและได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้วจากนั้นจึงตราออกมาเป็นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี


เมื่อประกาศใช้พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีแล้ว สำนักงบประมาณจะส่งข้อมูลให้กรมบัญชีกลางเพื่อจัดสรรงบประมาณเข้ากองทุนส่งเสริม ววน. โดยแจ้งผลการจัดสสรงบประมาณให้กับหน่วยบริหารและจัดการทุน (PMU) และหน่วยงานในระบบ ววน. พร้อมกับจัดทำคำรับรองการปฏิบัติการตามเงื่อนไขของการอนุมัติงบประมาณของแต่ละหน่วยงานในปีงบประมาณนั้น ๆ


หลักเกณฑ์และการจัดสรรงบประมาณ

ตามพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2562 กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มีหน้าที่ในการจัดทำนโยบาย ยุทธศาสตร์และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) จัดทำกรอบวงเงินงบประมาณด้าน ววน. หลักเกณฑ์การจัดทำคำขอและการจัดสรรงบประมาณ รวมถึงการกลั่นกรองคำของบประมาณในระบบวิจัยและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับแผนด้าน ววน. และจัดทำคำของบประมาณของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุนส่งเสริม ววน.) โดยหน่วยงานที่อาจยื่นคำของบประมาณผ่านกองทุนส่งเสริม ววน. เป็นไปตามประกาศ กสว. เรื่อง รายชื่อหน่วยงานที่อาจยื่นคำของบประมาณจากกองทุนส่งเสริม ววน. โดยมีรายละเอียดของระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ และรูปแบบการสนับสนุนงบประมาณดังนี้


โดยการสนับสนุนงบประมาณของกองทุนส่งเสริม ววน. ที่หน่วยงานสามารถเสนอของบประมาณ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

1. งบประมาณสนับสนุนงานเชิงกลยุทธ์ หรือ Strategic Fund (SF) เป็นงบประมาณสำหรับแผนงานหรือโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี หรือโครงการวิจัยและนวัตกรรม เพื่อดำเนินการตามนโยบายระดับชาติ ยุทธศาสตร์ชาติ ยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรม ยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมหรือประเด็นเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งประเด็นที่เกิดจากความต้องการของผู้ใช้โดยตรงซึ่งสร้างผลกระทบในวงกว้างการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนงานเชิงกลยุทธ์ จะดำเนินการผ่านหน่วยบริหารและจัดการทุน หรือ Program Management Unit (PMU) 9 หน่วยงานหลัก

 

2.งบประมาณสนับสนุนงานมูลฐาน หรือ Fundamental Fund (FF) เป็นงบประมาณสำหรับแผนงานหรือโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี หรือโครงการวิจัยและนวัตกรรมตามภารกิจของหน่วยงาน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสามารถตอบสนองแนวนโยบายของชาติ อันจะนำไปสู่การพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีธรรมาภิบาล


ข้อมูลการจัดสรรงบประมาณ

นับตั้งแต่การจัดตั้งกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตาม พระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2562 มีงบประมาณด้าน ววน. ที่ผ่านกองทุนส่งเสริม ววน. ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จนถึงปีงบประมาณปัจจุบัน โดยมีรายละเอียดภาพรวมดังนี้

ภาพรวมงบประมาณกองทุน 

การนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้

เป้าหมายสำคัญหนึ่งของระบบ ววน. คือ การนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในมิติต่างๆ อันจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือกรสร้างผลกระทบและประโยชน์ในวงกว้าง ทั้งนี้ ข้อจำกัดในอดีตบางส่วนที่ทำให้ผลงานด้านการวิจัยและนวัตกรรมที่มีคุณค่าจำนวนมากมิได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์จากภาคส่วนต่าง ๆ อาจจำแนกได้ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1) การขาดทิศทางที่มีเอกภาพ คือ นโยบายและแผนด้านการวิจัยและนวัตกรรม ดังนั้นจึงมีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันการใช้ประโยชน์ที่ไม่ชัดเจน และขาดการเชื่อมร้อยงานวิจัยและนวัตกรรมในกลุ่มเดียวกันเข้าด้วยกัน 2) การที่ผู้รับทุนหรือนักวิจัยไม่สามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมได้ด้วยข้อจำกัดด้านกฎหมายและกฎระเบียบของภาครัฐ จึงไม่มีแรงจูงใจให้นำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม และ 3) การขาดทรัพยากร และการบริหารทรัพยากร ในการลงทุนต่อยอดด้านการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อยกระดับให้ไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงสังคมและเศรษฐกิจได้จริง

จากข้อจำกัดดังกล่าว การปฏิรูประบบ ววน. ของประเทศ ได้มีการระบุอย่างชัดเจนถึงแนวทางในการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมที่จะต้องคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ที่ครอบคลุมตั้งแต่การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและภาคการบริการของประเทศ การตอบสนองต่อการสร้างความรู้ใหม่ ยกระดับนวัตกรรม ปรับปรุงกระบวนการผลิตและบริการ แก้ปัญหาเชิงเทคนิค ทดแทนการนำเข้าเทคโนโลยี หรือมีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ และการสะท้อนความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และเชิงสังคม



พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564

ราชกิจจานุเบกษาประกาศเผยแพร่ พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564หรือ Thailand Research and Innovation Utilization Promotion Act ที่เรียกโดยย่อว่า TRIUP Act เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2564 โดยเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต ที่ผ่านมารัฐได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้รับทุนหรือนักวิจัยไม่สามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมได้ด้วยข้อจำกัดด้านกฎหมายและกฎระเบียบของภาครัฐ จึงไม่มีการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดขึ้นไปใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น เพื่อให้มีการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ อันจะเป็นประโยชน์ทั้งการต่อยอดการวิจัยและต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม และเป็นแรงจูงใจให้มีการวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพิ่มขึ้น

สกสว. สอวช. และหน่วยงานภาคีต่างๆ ได้ร่วมมือกันผลักดันอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่อีกก้าวที่สำคัญของการนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ เพราะเล็งเห็นว่าควรกำหนดให้ผู้รับทุนหรือนักวิจัยสามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดจากเงินสนับสนุนของภาครัฐได้ มีกลไกการบริหารจัดการและติดตามการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งกำหนดมาตรการบังคับใช้สิทธิโดยรัฐในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างประโยชน์ของผู้เป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมและประโยชน์ส่วนรวม จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น


สาระสำคัญของ TRIUP Act

พ.ร.บ. ฉบับนี้ มีความสำคัญอย่างมากต่อการขับเคลื่อนระบบ ววน. โดยเฉพาะการส่งเสริมและผลักดันให้ผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เกิดจากการให้ทุนสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐถูกนำไปใช้ประโยชน์หรือขยายผลต่อยอดทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันมีสาระสำคัญความครอบคลุมประเด็นดังนี้

  • ปลดล็อกความเป็นเจ้าของผลงาน จากผู้ให้ทุน (หน่วยงานรัฐ) ให้ผู้รับทุนหรือนักวิจัยสามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐ จากเดิมที่ติดกฎระเบียบของผู้ให้ทุน ทำให้ไม่สามารถโอนสิทธิไปยังผู้รับทุนหรือนักวิจัยได้
  • เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนที่มีศักยภาพในการทำวิจัยและพัฒนาสามารถขอรับทุนสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐได้โดยตรง และเป็นเจ้าชองผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นเอง ซึ่งรัฐจะได้ผลตอบแทนระยะยาวที่มีมูลค่ามากกว่าการสนับสนุนทุน หากเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้
  • ครอบคลุมผลงานวิจัยและนวัตกรรมทุกรูปแบบ (ที่ได้รับทุนจากหน่วยงานรัฐ) ไม่ใช่เฉพาะสิทธิบัตรเท่านั้น
  • ใช้ประโยชน์ในผลงานวิจัยและนวัตกรรมได้ง่ายขึ้น เนื่องจากผู้ประสงค์ใช้ประโยชน์สามารถขออนุญาตใช้ประโยชน์ได้โดยเสนอเงื่อนไขและค่าตอบแทน เนื่องจากผู้เป็นเจ้าของผลงานต้องเร่งรัดให้เกิดการใช้ประโยชน์ผลงานนั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด
  • กำหนดให้ผู้เป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมต้องใช้ประโยชน์ผลงานนั้น รวมถึงบริหารจัดการและรายงานผลการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมต่อผู้ให้ทุน
  • คำนึงถึงเทคโนโลยีที่เหมาะสม (Appropriate Technology) ที่ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ และรัฐต้องจัดสรรเงินให้เทคโนโลยีนั้นสามารถถูกนำไปใช้ประโยชน์ในวงกว้างได้


ผู้ที่ได้รับประโยชน์จาก TRIUP Act อาจแบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้

  1. ภาคเอกชน โดย 1) เอกชนที่ทำวิจัยเองได้สามารถขอเป็นเจ้าของผลงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐได้ 2) Startup/Spinoff company สามารถระดมทุนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเป็นเจ้าของผลงาน และ 3) ลดขั้นตอนการเจรจาเพื่อใช้สิทธิงานวิจัยและนวัตกรรมกับเจ้าของผลงานวิจัย (เนื่องจากไม่มีผู้ให้ทุนมาเกี่ยวข้อง)
  2. ประชาชน เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สามารถเข้าถึง appropriate technology เพื่อใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและบริการ และสร้างรายได้เพิ่มขึ้น (เนื่องจากมีงบประมาณและกลไกที่สนับสนุน)
  3. สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย นักวิจัย สามารถเป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรมได้ สามารถได้รับผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นที่ได้จากการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม และลดขั้นตอนการเจรจากับภาคเอกชน เพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์งานวิจัย
  4. ประเทศไทยมีการปรับเปลี่ยนเข้าสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างรายได้เพื่อให้หลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง เนื่องจากนักวิจัยมีแรงจูงใจในการสร้างนวัตกรรมให้ส่งถึงมือผู้ใช้ รวมถึงผู้ใช้ประโยชน์เข้าถึงนวัตกรรมได้ง่ายขึ้น และใช้นวัตกรรมเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนประเทศ


ทั้งนี้ หน่วยงานที่เป็นเจ้าของผลงานวิจัย หน่วยงานที่ต้องการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัย และหน่วยงานให้ทุน และจัดสรรงบประมาณวิจัยจะต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ พ.ร.บ. ที่เกิดขึ้น ดังนี้

  1. หน่วยงานที่เป็นเจ้าของผลงานวิจัย หมายรวมถึง มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย นักวิจัย เอกชนที่ทำวิจัยเอง ต้องเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา และมีกระบวนการหนุนเสริม/ส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์งานวิจัย (บุคลากรที่ทำหน้าที่ส่งเสริมฯ/งบประมาณ) ต้องเข้าใจสิทธิ และหน้าที่ และเข้าใจกระบวนการยื่นแสดงความเป็นเจ้าของ การรายงานการใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ หากผลงานวิจัยไม่ถูกใช้ประโยชน์ภายในระยะเวลา 2 ปี สิทธิความเป็นเจ้าของจะกลับเป็นของหน่วยงานผู้ให้ทุน
  2. หน่วยงานที่ต้องการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัย เช่น ภาคเอกชน หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ขยายผล หรือ
    ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ ต้องเข้าใจหลักการ กระบวนการในการติดต่อเจรจาเพื่อขอใช้สิทธิ และเข้าใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และติดตามมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ ของภาครัฐ
  3. หน่วยงานให้ทุน และจัดสรรงบประมาณวิจัย จะต้องมีการเตรียมความพร้อมบุคลากรและระบบการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา และติดตามการใช้ประโยชน์ รวมถึงมีกระบวนการหรือกลไกในการส่งเสริม/หนุนเสริม และติดตามให้หน่วยงานที่รับทุนสามารถผลักดันให้งานวิจัยเกิดการใช้ประโยชน์เต็มประสิทธิภาพ


การขอเป็นเจ้าของและการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม

ผู้รับทุนสามารถแจ้งความประสงค์เป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม และเสนอแผนและกลไกการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมมาพร้อมกับรายงานข้อค้นพบใหม่ โดยรายงานการเปิดเผยผลงานวิจัยและนวัตกรรมมีรายละเอียดและขั้นตอนดังนี้

  1. ชื่อผลงานวิจัยและนวัตกรรม และสัญญาให้ทุน
  2. รายชื่อผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยและนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดข้อค้นพบใหม่
  3. รายละเอียดข้อค้นพบใหม่ซึ่งแสดงให้เห็นความใหม่หรือการพัฒนาขึ้นจากสิ่งที่ปรากฏอยู่แต่เดิม วันเวลาที่ได้มาซึ่งข้อค้นพบใหม่ และศักยภาพของข้อค้นพบใหม่
  4. รายละเอียดการแสดงข้อค้นพบใหม่ต่อสาธารณชนหรือภายในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องซึ่งได้กระทำมาแล้ว ไม่ว่าจะได้กระทำภายในหรือนอกราชอาณาจักร และไม่ว่าการเปิดเผยนั้นจะกระทำโดยเอกสาร สิ่งพิมพ์ การนำออกแสดง การนำออกจำหน่าย หรือการเปิดเผยด้วยประการใด ๆ
  5. กลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม
  6. รายละเอียดอื่นตามที่ สกสว. กำหนด

  



การส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เหมาะสม(Appropriate Technology)

เทคโนโลยีที่เหมาะสม (Appropriate Technology)  หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือพื้นที่ ทั้งนี้ ซึ่งเหมาะสมกับสังคมและวัฒนธรรมของชุมชนหรือพื้นที่ และมีราคาพอสมควรที่เข้าถึงได้ มีลักษณะโครงการวิจัยและนวัตกรรมดังนี้

  1. โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อยกระดับผลิตภาพหรือกำลังการผลิต หรือส่งเสริมอาชีพ ผลิตภัณฑ์หรือบริการทางเศรษฐกิจของประชาชนหรือวิสาหกิจในท้องถิ่นหรือชุมชน
  2. โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นหรือชุมชน หรือเพื่อช่วยเหลือผู้ทุพพลภาพ เด็ก ผู้สูงวัย หรือกลุ่มเปราะบางอื่น
  3. โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน หรือเพื่อสงวนรักษาไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศและคุณภาพสิ่งแวดล้อม องค์ความรู้พื้นถิ่น หรือวัฒนธรรมของประชาชนหรือชุมชน
  4. โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่มีอยู่แล้ว ทั้งที่เป็นสาธารณะและมีเจ้าของจากแหล่งข้อมูลภายในประเทศและต่างประเทศ และสำรวจความต้องการใช้เทคโนโลยีในพื้นที่ต่าง ๆ
  5. โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีอยู่เดิมมาพัฒนา ปรับปรุง ต่อยอด ลดต้นทุนการผลิต หรือขยายผลจากต้นแบบ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงผลงานนั้นได้อย่างทั่วถึงในราคาที่เหมาะสม
  6. โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคลังข้อมูลและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เหมาะสมหรือนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปเผยแพร่และถ่ายทอดให้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม และผู้ประกอบการรายย่อย
  7. โครงการส่งเสริมการก่อตั้งศูนย์เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อให้ชุมชนหรือประชาชนในพื้นที่เข้าถึง โดยคิดค่าบริการที่เหมาะสม
  8. โครงการอื่นที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เหมาะสม

หลักการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เหมาะสม จะต้อง 1) ดำเนินการเพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชุมชนท้องถิ่นหรือพื้นที่ มิใช่เพื่อประโยชน์ทางพาณิชย์หรือประโยชน์ทางวิชาการเท่านั้น 2) ให้ความสำคัญกับการรับฟังข้อเสนอแนะและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียและชุมชนท้องถิ่นหรือประชาชนในพื้นที่ 3) คำนึงถึงผลกระทบหรือความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นต่อวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นหรือประชาชนในพื้นที่ รวมถึงผลกระทบต่อความยั่งยืนด้านทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศ และสภาพแวดล้อมในพื้นที่ และ 4) ต้องคำนึงถึงความซับซ้อน ค่าใช้จ่ายและความเป็นไปได้ในการเข้าถึงผลงานวิจัยและนวัตกรรมของชุมชนท้องถิ่นหรือประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ หากมีการใช้ประโยชน์ผลงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เหมาะสม ผู้ที่เป็นเจ้าของผลงานสามารถยื่นหลักฐานเพื่อรับค่าตอบแทนได้ โดยมีขั้นตอนดังภาพ


กลไกการดำเนินงาน CIGUS Model

การติดตามและประเมินผลงานวิจัยและนวัตกรรม

การติดตามและประเมินผล (Monitoring and Evaluation : M&E) เป็นกระบวนการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสะท้อนผลสำเร็จของการพัฒนาประเทศด้วยความรู้และผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพราะจะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าผลลัพธ์และผลกระทบของการลงทุนเงินงบประมาณวิจัยและนวัตกรรมของประเทศจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ได้นำมาสู่องค์ความรู้เพื่อที่จะนำไปพัฒนาประเทศตามเป้าหมายที่ได้วางไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ในอีกแง่หนึ่ง การติดตามและประเมินผล จัดเป็นการสร้างความรับผิดชอบต่อสาธารณะ (Public Accountability) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรับผิดชอบต่อการใช้ภาษีอากรของประชาชน นอกจากนั้นยังเป็นกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาของผู้เกี่ยวของในระบบ ววน. ด้วย

ระบบติดตามและประเมินผลงานวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ และระบบติดตามการประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณที่ได้รับเงินงบประมาณจากกองทุน ววน. จัดทำขึ้นเพื่อติดตามผลลัและผลกระทบจากผลงาน ววน. ที่ตอบสนองต่อการพัฒนาประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และเพื่อให้การลงทุนเงินงบประมาณด้าน ววน. มีความโปร่งใส และทำให้เกิดความรับผิดรับชอบ (Accountability) ในระบบต่อการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า

เป้าหมายและผสสัมฤทธิ์ในการติดตามและประเมินผลของกองทุน ววน. มี 2 มิติ คือ ผลงานในภาพรวมของกองทุน ววน. และผลการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ โดยการติดตามและประเมินผลในทางปฏิบัติจะใช้วิธีการรายงานในระบบข้อมูลสารสนเทศวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (NRIS) ยกเว้นในส่วนของการประเมินผลกระทบจะใช้ผู้เชี่ยวชาญภายนอก โดยทำการประเมินภายใต้กรอบและแนวทางที่คณะกรรมการติดตามและประเมินผลฯ กำหนดและการประเมินในส่วนของกระบวนการทำงาน จะดำเนินการโดยมีผู้ทรงคุณวุฒิที่คณะกรรมการติดตามและประเมินผลฯ แต่งตั้ง โดยมี สกสว. ทำหน้าที่สนับสนุนด้านวิชาการและงานเลขานุการ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้หน่วยบริหารและจัดการทุน (PMU) และหน่วยรับงบประมาณนำข้อเสนอแนะที่ได้จากคณะผู้ทรงคุณวุฒิไปใช้ในการพัฒนากระบวนการทำงาน ส่งผลให้มีความสามารถในการบริหารและจัดการทุนได้สอดคล้องกับเป้าหมายกรพัฒนาประเทศ เกิดการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ สร้างผลลัพธ์และผลกระทบในวงกว้างต่อไป

 

สกสว. ร่วมมือ รัฐสภา สอวช. PMU โชว์ผลงาน 4 ปีแห่งการลงทุนด้านวิจัยและนวัตกรรมมุ่งพัฒนาและต่อยอดตอบโจทย์ภาคนโยบาย สู่การขับเคลื่อนประเทศด้วย ววน.
สกสว. ร่วมกับ รัฐสภา สอวช. และ 9 PMU จัดการแสดงผลงานวิจัยตลอด 4 ปี แห่งการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม...
สกสว. หารือ รมว.กระทรวงแรงงานมุ่งบูรณาการนำผลงานวิจัย ช่วยพัฒนาศักยภาพแรงงานไทย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน วันที่ 19 กันยายน 2566 – รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล...
ผอ.สกสว. รับมอบนโยบาย รมว. อว. มุ่งวิจัย-นวัตกรรมดีตอบโจทย์ ตรงความต้องการ เน้นประเด็นสำคัญของประเทศ
วันที่ 19 กันยายน 2566 – รศ. ดร.ปัทมาวดี โพชนุกูล ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม...
สกสว. รับมอบรางวัล “สำเภา-นาวาทอง”สุดยอดหน่วยงานรัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ
สกสว. เข้ารับมอบรางวัลสุดยอดหน่วยงานรัฐด้านการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ รางวัล “สำเภา-นาวาทอง” ประจำปี...
สกสว. ร่วมงานสถาปนาสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพบก ครบรอบปีที่ 51
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เข้าร่วมแสดงความยินดีกับสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพบก...

Loading